ขอขมางาช้างพลาย “อัญชลี” ไหว้ขอพรบิดา “ขอขมางาช้าง” พลายจะขื่อ พลายหนึ่ง ที่สลัดงาและยังมีชีวิต มอบของศักดิ์สิทธิ์เป็นนิมิตหมายที่ดีแก่ปางช้างแม่สา

ขอขมางาช้างพลาย “อัญชลี” ไหว้ขอพรบิดา “ขอขมางาช้าง” พลายจะขื่อ พลายหนึ่ง ที่สลัดงาและยังมีชีวิต มอบของศักดิ์สิทธิ์เป็นนิมิตหมายที่ดีแก่ปางช้างแม่สา
ขอขมางาช้างพลาย
“อัญชลี” ไหว้ขอพรบิดา “ขอขมางาช้าง” พลายจะขื่อ พลายหนึ่ง ที่สลัดงาและยังมีชีวิต มอบของศักดิ์สิทธิ์เป็นนิมิตหมายที่ดีแก่ปางช้างแม่สา
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 ก.พ.66 ที่ปางช้างแม่สา นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เดินทางมากราบขอพรคุณพ่อชูชาติ กัลมาพิจิตร พร้อมประกอบพิธีขอขมาตามความเชื่อของคนเลี้ยงช้าง กรณีที่พลายจะขื่อและพลายหนึ่ง สลัดงา โดยก่อนที่ประกอบพิธีกรรม นางอัญชลี ได้ไลค์สดผ่านทางเพจเฟสบุ๊คของทางปางช้างแม่สา แนะนำสถานที่ต่างๆ ของปางช้างแม่สา รวมถึงอัตราค่าบริการเข้าชมช้าง ร่วมถึงโปรแกรมสัมผัสช้างแบบใกล้ชิดในรูปแบบต่างๆ
ภายหลังจากนั้นได้เดินทางเข้าสักการะบูชาพระพุทธรูป และพระพิฆเนศวร์ พระพรหมและรูปปั้นเหมือน ของคุณพ่อชูชาติ กัลมาพิจิตร โดยได้ขอพรให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยนางอัญชลีได้ขอพรรูปปั้นคุณพ่อชูชาติว่า
“วันนี้ลูกมาบอกพ่อว่า ในปี 2566 เราก็ยัง ยืนหยัดได้อยู่ที่ปางช้างแม่สาแห่งนี้ และเราก็ยังคงเลี้ยงช้างให้อยู่ครบตามจำนวน พร้อมดูแลช้างให้มีสุขภาพแข็งแรง อย่างที่พ่อต้องการแล้ว รวมไปถึงคนเลี้ยงช้างพร้อมตั้งใจจะสืบสาน ตามที่พ่อต้องการตามที่คุณพ่อปรารถนา ก็ขอให้พ่อคุ้มครองพวกเรา ดูแลพวกเรา ให้พรพวกเรา ให้สามารถยืนยันอย่างนี้ต่อไปได้ ให้พ้นซึ่งปัญหาอุปสรรคทั้งมวล และจัดการทรัพย์สินของพ่อได้ด้วยความยุติธรรม ถูกต้องเพื่อที่เราจะได้นำสิ่งที่พ่อมอบให้ไว้ มาต่อยอดในการ พัฒนาปางช้างแม่สาเลี้ยงช้างของพ่อและคนของพ่อ ขอให้พ่ออวยพรเราด้วยค่ะ”
หลังจากนั้นนางอัญชลีได้ให้สัมภาษณ์ แก่ผู้สื่อข่าวว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีเหตุการณ์ ช้างที่เราเลี้ยงไว้ซึ่งเป็นจ่าโขลง ของปางช้างแม่สา ที่มีงายาวลักษณะงาอ้อมจักรวาล เป็นช้างคู่บุญของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สาที่ล่วงลับไปแล้ว งาช้างข้างขวาหักลงตรงกลาง มีความยาวที่หัก 109 ซม. หนักถึง 10 กก. ทราบจากควาญช้างชื่อนายอาเว อินคำ ได้บอกว่าในตอนเช้าพบงาช้างของพลายจะขื่นหักกระเด็นออกมา ซึ่งถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของปางช้างแม่สา สำหรับคนเลี้ยงช้างอย่างตนมีความเชื่อว่าปีนี้จะต้องเป็นปีที่ดีของปางช้างแม่สา จะต้องมีความดีงาม มีโชคมีลาภมีความรุ่งเรืองเนื่องจากว่าช้างได้สลัดงา ให้เป็นมงคลอย่างยิ่งต่อครอบครัวกัลมาพิจิตร ผู้สืบทอดปางช้างแม่สา คือในช่วง 50 ปีไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น คืองาที่กำจัด หรืองาสะเด็น หรือกระเด็นจะเป็นงาที่มีลักษณะตรงออกมาเท่านั้น ไม่เคยมีงาออมจักรวาลเกิดขึ้น ในตอนที่ช้างยังมีชีวิตอยู่ สำหรับตนแล้วถือเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ เป็นบารมีอย่างยิ่งสำหรับปี 2566
ที่ผ่านมาเกิดเรื่องเกิดราวมามากมายที่ปางช้างสา แต่ก็ยืนหยัดมาได้เพราะบารมีของช้างในปางแม่สา และอีกวันต่อมา พลายหนึ่ง ก็ได้สลัดปลายงาช้างให้อีก ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีอย่างยิ่งแก่ปางช้างแม่สา และถือว่าเป็นหนึ่งเดียวในโลกนี้ก็ว่าได้ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เราชาวปางช้างแม่สาได้เอาไว้บูชาและสักการะ และเรารู้สึกว่ากว่าที่เราจะมายืนหยัดจนถึง ปี 2566 นี้มันเหนื่อยมาก ตั้งแต่ปี 2563 ปางช้างเริ่มทยอยปิดตัว เลิกจ้างพนักงาน เลิกจ้างควาญช้างและทยอยส่งค้างคืน แต่เราในฐานะ ที่เป็นปางช้างแม่สาเราไม่สามารถ ส่งช้างที่เป็นครอบครัวของเราไปที่ไหนได้ เพราะคุณพ่อชูชาติ เป็นเจ้าของช้างเอง เพราะฉะนั้นเราลากยาวมาจนถึงวันนี้แล้วมีเหตุการณ์ ช้างสลัดงาหรืองากำจัด ในขณะที่เขามีชีวิตอยู่ถือว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคลยิ่งสำหรับคนเลี้ยงช้างตนเองและควาญช้างจึงได้ร่วมกันประกอบพิธีตามความเชื่อของคนเรียกช้างในครั้งนี้ เพื่อเป็นสิริมงคลต่อไป.
แชร์เลย :