- ข่าวเชียงใหม่
- No Comment
“น้องแป้ง” พยาบาลสาวโดดตึก รพ.ดังเชียงใหม่ เปิดใจ

“น้องแป้ง” พยาบาลสาวโดดตึก รพ.ดังเชียงใหม่ เปิดใจ
ความคืบหน้ากรณี “น้องแป้ง” อายุ 32 ปี พยาบาลสาวโรงพยาบาลรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่โพสต์บอกเล่าเรื่องราวตัดพ้อที่ถูกกลั่นแกล้งและดูหมิ่นเหยียดหยามในที่ทำงานจนเกิดความเครียดและกดดันอย่างหนัก พร้อมเขียนจดหมายลาตาย และพยายามที่จะกระโดดตึกเพื่อจบชีวิตตัวเองแต่มีผู้ช่วยเหลือไว้ได้ทัน ขณะที่ต่อมาทางผู้บริหารหน่วยงานชี้แจงและยืนยันให้ความช่วยเหลือพยาบาลสาวรายนี้อย่างเต็มที่ในทุกด้าน นามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2566 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ “น้องแป้ง” พร้อมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่รถจักรยานยนต์ของ “น้องแป้ง” ที่จอดไว้บริเวณบ้านพักในโรงพยาบาลถูกขโมยไปเมื่อกว่า 3 เดือนก่อน ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งและเป็นอีกหนึ่งประเด็นปัญหาที่ถาโถมซ้ำเติมนอกจากปัญหาขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน จนทำให้เกิดความกดดันและเครียดอย่างหนัก กระทั่งโพสต์ระบายความรู้สึกอัดอั้นภายในใจ พร้อมเขียนจดหมายลา และเกือบเกิดความสูญเสียขึ้น โดยความคืบหน้าทางคดีนั้น ทางพนักงานสอบสวนเตรียมสรุปสำนวนเพื่อส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาแล้ว

ทั้งนี้ “น้องแป้ง” เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่รถจักรยานยนต์ของตัวเองถูกขโมย ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์กับผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 2 คนแล้ว และเตรียมสรุปสำนวนส่งให้อัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องศาลต่อไป สำหรับสภาพจิตใจในเวลานี้นั้นยังย่ำแย่และไม่พร้อมที่จะกลับไปทำงาน เนื่องจากยังรู้สึกไม่ปลอดภัยและหวาดกลัวในหลายๆ เรื่องที่ยังไม่ได้รับความชัดเจนว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว โดยยืนยันว่าหลังจากที่เกิดเรื่องและตัวเองถูกส่งตัวพบจิตแพทย์เพื่อดูแลรักษาด้านจิตใจ จนถึงเวลานี้ยังไม่ได้รับการติดต่อพูดคุยหาทางออกใดๆ จากทางผู้บังคับบัญชาหน่วยงานเลย ซึ่งขัดแย้งกับที่ทางผู้บังคับบัญชาให้ข่าวว่าได้ให้การดูแลช่วยเหลือแล้วอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกัน “น้องแป้ง” ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดความกดดันและเครียดอย่างหนักจนตัดสินใจโพสต์ระบายและเขียนจดหมายลานั้น หลักๆ มาจากปัญหาความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานในแผนกที่สะสมมายาวนานและไม่ได้รับการแก้ไขเสียที ประกอบกับมาเกิดเรื่องซ้ำเติมอีกจากการที่รถถูกขโมยไปแต่เหมือนไม่ได้รับการช่วยเหลือในการติดตามเอาผิดผู้ก่อเหตุ ทั้งๆ ที่มีหลักฐานชัดเจน อีกทั้งยังถูกข่มขู่คุกคามด้วย ซึ่งแจ้งเรื่องและร้องขอความช่วยเหลือจากทางผู้บังคับบัญชาแล้ว แต่ไม่เป็นผล ทำให้เกิดความกดดันจนถึงที่สุดและตัดสินใจดังกล่าว โดยวันที่เกิดเหตุจะกระโดดจากตึกชั้น3ของที่ทำงาน ได้นำจดหมายลาและระบายความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมไปยื่นให้กับทางผู้อำนวยการโรงพยาบาล เสร็จแล้วเตรียมจะกระโดดตึก แต่คนที่เห็นเหตุการณ์ได้มาช่วยเอาไว้ได้

อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ดังกล่าวมาได้แล้ว รู้สึกว่าโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่และจะไม่มีทางทำเช่นนั้นอีกเป็นอันขาด เนื่องจากเห็นข่าวที่ผู้บังคับบัญชาชี้แจงแล้ว พบว่าคลาดเคลื่อนจากความจริง เนื่องจากตัวเองยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ที่เป็นแก้ไขปัญหาที่แท้จริงเลย และหากตัวเองไม่มีชีวิตอยู่ คงไม่สามารถชี้แจงและทำความจริงให้ปรากฏได้ ซึ่งยืนยันว่าตัวเองไม่เคยคิดลาออกจากการเป็นพยาบาลหรือลาออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้อย่างเด็ดขาด เพราะเป็นอาชีพที่รักและตั้งใจมาตลอด รวมทั้งยังมีเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่คอยเป็นกำลังใจให้อยู่เสนอ โดยจะขอยืนหยัดเรียกร้องความถูกต้องจนถึงที่สุด ซึ่งเบื้องต้นขอเพียงให้พิจารณาย้ายแผนกทำงานให้ตัวเองตามที่ร้องเท่านั้น เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างไม่ต้องหวาดระแวงและเป็นกังวลใดๆ



