- ข่าวต่างจังหวัด
- No Comment
เร่งแก้ไฟป่าหมอกควันอย่างเต็มกำลัง
เชียงใหม่ หมอกควันยังวิกฤติหนักขณะที่จุดฮอทสปอทเช้านี้ยังพุ่งสูงขึ้นอีก
วันที่ 5 มีค 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์หมอกควันเชียงใหม่ยังวิกฤติ เชียงใหม่ยังจมอยู่ใต้หมอกควันที่สะสมตัวนานเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว ขณะที่ข้อมูลจากดาวเทียมจีสด้าพบว่าเช้านี้เชียงใหม่มีรายงานพบจุดฮอทสปอท หรือจุดความร้อนจากการเผา และไฟป่าพุ่งสูงขึ้นเป็ฯ 88 จุดทั่วพื้นที่
สถานการณ์หมอควัน และไฟป่าพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือยังวิกฤติหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่หัวเมืองหลักของภาคเหนือ 7เช้านี้ในตัวเมืองเชียงใหม่ยังจมอยู่ใต้หมอกควันสีขาวโพลนที่ยังสะสมตัวหนาแน่นขึ้น และอยู่ในช่วงวิกติคุณภาพอากาศนี้มานานเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว ประชาชนได้รับผลกระทบโดยตรงกับร่างกาย รู้สึกได้ทันทีเมื่อออกมาอยู่นอกอาคาร จะมีอาการแสบตา แสบสมูก และแสบคอ ซึ่งทำให้หลายคนล้มป่วยลงด้วยโรคทางเดินหายใจ โดยเช้านี้ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษเมื่อเวลา 9.00 น.พบว่า ณ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ศูนย์ราชการตำบลช้างเผือกวัดได้ 98 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 208 AQI ที่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง วัดค่า PM 2.5 ได้ 88 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 195 AQI ที่ ดอยสุเทพ วัดได้ 99 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 209 AQI ที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว ตอนบนของจังหวัดเชียงใหม่ ค่า PM2.5 วัดได้ 79 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 172 AQI ขณะที่ ต.หางดง อ.ฮอด ซึ่งเป็นอำเภอตอนล่างเช้านี้สูงสุดของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ 141 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 251 AQI
ขณะที่ เว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รายงานคุณภาพอากาศและจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทั่วโลก จัดอันดับให้เมืองเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีมลพิษอากาศสูงสุดอยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก ส่วนอันดับ 1 เป็นของเมืองธากา ประเทศอิน บังคลาเทศ
ทั้งนี้ยังมีรายงานสถานการณ์การเกิดไฟป่าในหลายพื้นที่กระจายไปทุกอำเภอ เช้านี้ข้อมูลจากดาวเทียมจีสด้าพบว่าพบจุดฮอทสปอทจากความพร้อม และไฟป่า เพิ่มมากขึ้นจากวานนี้ในช่วงวลาเดียวกัน เกือบ 4 เท่าตัว จาก 26 จุดเช้านี้ขึ้นมาเป็น 88 จุด ที่อำเภออมก๋อย 16 จุด /อำเภอฮอด 11 จุด /อำเภอดอยเต่า 9 จุด/อำเภอแม่วาง 7 จุด/อำเภอเชียงดาว 7 จุด/อำเภอแม่ออน 7 จุด/อำเภอพร้าว 5 จุด/อำเภอแม่แตง 5 จุด/อำเภอจอมทอง 4 จุด/อำเภอสันทราย 3 จุด/อำเภอสันกำแพง 3 จุด/อำเภอกัลยาณิวัฒนา 3 จุด/อำเภอดอยสะเก็ด 2 จุด/อำเภอไชยปราการ 2 จุด/อำเภอเวียงแหง 1 จุด/อำเภอดอยหล่อ 1 จุด/อำเภอหางดง 1 จุด และอำเภอแม่แจ่ม 1 จุด ซึ่งและพื้นที่ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านเข้าไปช่วยกันดับไฟป่ากันอย่างต่อเนื่อง แต่อุปสรรคสำคัญคือสภาพพื้นที่เนื่องจากบางพื้นที่เป็นหน้าผาสูงชันไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้เนื่องจากมีความอันตรายสูง จึงต้องปรับแผนทำแนวกันไฟโดยรอบพื้นที่ไม่ให้ไฟป่าลุกลาม อีกทั้งยังพบว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เกิดไฟป่ารุนแรงทำให้เชื้อเพลิงจากเศษซากใบไม้กิ่งไม้สะสมตัวหนาแน่นเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่ทำให้ไฟป่าลุกลามได้อย่างรวดเร็ว
ทางด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เผย ทุกหน่วยในจังหวัดเชียงใหม่ เร่งแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง ขอประชาชนดูแลสุขภาพของตนเอง งดหรือลดการออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง
โดยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สื่อสารประเด็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แก่ประชาชน ผ่านรายการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่พบประชาชน ของ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่
นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่ ได้พยายามป้องกันและลดจุดความร้อนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดยสถิติจุดความร้อนที่เกิดขึ้นต่อวันในห้วงนี้ มีจำนวนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง แต่สวนทางกับค่าคุณภาพอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ด้วยสภาพอากาศในช่วงเช้าและช่วงค่ำที่มีอากาศเย็น ทำให้ความกดอากาศต่ำ ฝุ่นควันจึงไม่สามารถลอยขึ้นไปข้างบนและพัดไปที่อื่นได้ ทำให้ฝุ่นควันวนเวียนอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งกะทะ จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง และเด็กเล็ก ให้งดหรือลดการออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการแก้ไขปัญหาหมอกควัน อย่างเป็นระบบ มีภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งการชี้แนะแนวทาง แจ้งเบาแส และในห้วงสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามสถานการณ์และเร่งรัดการปฏิบัติงานในพื้นที่ต่าง ๆ
ขณะที่ การดำเนินงานในระดับอำเภอ ได้มีการเน้นย้ำในทุกมาตรการ ทั้งมาตรการห้ามเผา และการประชาสัมพันธ์ถึงพิษภัยของหมอกควันไฟป่า รวมถึงโทษของการเผาป่าแล้วลุกลามไปยังพื้นที่อื่น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับถึงการเข้าควบคุมจุดความร้อน โดยขอให้ควบคุมให้ได้ภายใน 1 วัน เพื่อไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง ซึ่งหากเกินศักยภาพขอให้ประสานมายังจังหวัด เพื่อขอรับการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ทันที โดยจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นกำลังพล ยุทโธปกรณ์ อากาศยานดับไฟป่า รวมถึงงบประมาณ ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการสนับสนุนงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท สำหรับใช้ในการลาดตระเวนและค่าอาหารให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และจิตอาสา ทั้ง 25 อำเภอ
ด้าน การทำฝนหลวง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการลดปริมาณฝุ่นควันในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ก็ไม่ได้ละเลย ได้มีการติดตาม เช็คสภาพอากาศ และความสามารถในการขึ้นบินทำฝนหลวงอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ยังไม่สามารถปฏิบัติการให้ฝนตกลงมาได้ ทุกหน่วยงานก็ได้ระดมร่วมกันฉีดพ่นละอองน้ำ ล้างถนน ที่สาธารณะ และรดน้ำต้นไม้ เพื่อลดปริมาณฝุ่นในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ยังได้มีการขอความร่วมมือไปยังขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ในการตรวจจับรถควันดำอีกด้วย