- ข่าวเชียงใหม่
- No Comment
ปลัด ทส. ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน พื้นที่ อช.ดอยสุเทพ – ปุย
ปลัด ทส. ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน พื้นที่ อช.ดอยสุเทพ – ปุย ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย กำชับบูรณาการและแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ และเข้มข้นมากยิ่งขึ้น วันนี้ (5 ก.พ. 66) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง บริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนการป้องกันและควบคุมไฟป่า และตรวจความเรียบร้อยการสร้างแนวกันไฟ เส้นดอยปุย – บ้านขุนช่างเคี่ยน และเส้นรอบพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ พร้อมมอบอุปกรณ์ป้องกันไฟป่า ข้าวสารอาหารแห้งให้กับชาวบ้านขุนช่างเคี่ยนในช่วงร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันไฟป่าในพื้นที่ ณ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย จังหวัดเชียงใหม่ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พื้นที่ภาคเหนือเป็นพื้นที่สำคัญที่ต้องมีการเฝ้าระวังในช่วงนี้ และจากที่ผ่านมายังไม่พบรายงานจุดความร้อน (Hot spot) เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกิดจากสภาพภูมิประเทศและสภาพอากาศเป็นสำคัญ ทำให้อากาศไม่เคลื่อนตัว ประกอบกับจุดความร้อนในประเทศเพื่อนบ้านที่มีมาก และจากการเผาในที่โล่ง จึงได้ทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยขอความร่วมมือในการกำชับกวดขันลดการเผาในที่โล่งไปแล้ว สำหรับการจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ปีนี้ได้รับงบประมาณในการจัดทำแนวกันไฟทั้งหมด 200 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ 8 ตำบล ซึ่งปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 7 เส้นแนว ระยะทาง 50 กิโลเมตร ยังเหลืออยู่ระหว่างกำลังดำเนินการอีก ระยะทาง 150 กิโลเมตร ที่จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว จึงได้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ขอให้จัดตั้งชุดตรวจติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของการทำงาน โดยให้ภาคประชาชนและท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้การดำเนินงานเกิดความโปร่งใสและสามารถตอบคำถามของสังคมได้ต่อไป นอกจากนี้ ในปีนี้ ยังได้กำชับให้บูรณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองให้ครอบคลุมทุกมิติ และเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด เพิ่มการขยายผลการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร ทั้งการ ชิงเก็บ ลดเผา และการใช้ระบบบริหารการเผาในที่โล่ง เพื่อควบคุมการเกิดไฟในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตร โดยมุ่งเน้นการนำเชื้อเพลิงมาใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าและรายได้ให้กับชุมชน ทั้งยังเพื่อเตรียมการรองรับการปรับเปลี่ยนค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM 2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง จากเดิมไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เหลือ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้
ขอบคุณที่มา : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม